โครเอเชีย ตีเสมอใน 90 นาที ก่อนดับ ญี่ปุ่น ด้วยจุดโทษ 1-3 เข้ารอบ 8 ทีม
ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในค่ำคืนวันจันทร์ ทีมชาติญี่ปุ่น ที่เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม E แบบสุดเซอร์ไพรส์ จะต้องพบกับรองแชมป์เมื่อคราวก่อนอย่าง ทีมชาติโครเอเชีย ที่ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม F แบบชนะเพียงนัดเดียว สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ซามูไรบูลใช้ระบบ 3-4-3 ขณะที่ตราหมากรุกใช้แผน 4-3-3
ทีมชาติญี่ปุ่น เน้นการเคาะบอลและรอให้พื้นที่ริมเส้นว่าง ก่อนจะลากหรือเล็งเปิดแบบเลียดมากกว่าเปิดโด่ง ซึ่งมันสร้างโอกาสเหน่งๆให้เห็น แต่ได้แค่เสียวเท่านั้น จนในช่วงนาทีที่ 43 ซามูไรบูลขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมที่มีการไหลย้อนให้เปิดและโหม่งชง ก่อนที่ มาเอดะ จะยิงระยะจ่อๆเข้าไป ส่วนทางฝั่งทีมชาติโครเอเชีย มีอาวุธเด็ด คือ การวางบอลบอลยาวหรือเปิดจากด้านข้าง แต่ขาดความแม่นยำกับตัวที่ยืนรออยู่ด้านใน ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้จบสกอร์
ครึ่งหลัง ทีมชาติโครเอเชีย พยายามเคาะบอลรอจังหวะให้พื้นที่เป้าหมายเข้าที่ แล้วค่อยเปิดหรือวางบอลเข้าไป กระทั่งได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการเล่นในลักษณะนี้ ขณะเดียวกันเมื่อพวกเขาเสียบอล ก็จะอาศัยการเพรสซิ่งแดนบนทันที ส่วนทางฝั่งทีมชาติญี่ปุ่น การขึ้นบอลจากหลังบ้านต้องแกะการเพรสซิ่งที่ดุเดือดบริเวณกลางสนาม กระนั้นในหลายช่วงเวลา พวกเขาครองเกมได้ดีกว่า
ในช่วงการต่อเวลาพิเศษ ญี่ปุ่น มีความสดกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่สามารถอาศัยความได้เปรียบตรงนี้ยิงประตูนำ ตรงข้ามกับ โครเอเชีย ที่ตัวหลักอายุมากและต้องอาศัยการประคองเท่านั้น ส่วนในช่วงการดวลจุดโทษ ตราหมากรุกมีความนิ่งกว่าและเอาชนะได้ไปได้
บทสรุปจากเกม ทีมชาติญี่ปุ่น มีรูปเกมที่ดูดีกว่าในหลายๆช่วง กระทั่งบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาสู้ได้ทุกทีม เพราะทุกคนทำตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งเกมนี้ยังมีโอกาสที่จะเอาชนะคู่แข่งใน 120 นาที เพราะเรี่ยวแรงของคู่แข่งแทบจะไม่เหลือแล้ว แต่สุดท้ายต้องพ่ายแพ้เพราะความไม่นิ่งและยิงจุดโทษแบบไม่มีความมั่นใจเลย ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติโครเอเชีย การทำเกมรุกมีเพียงการเปิดบอลเข้าแดนสุดท้าย แล้วมันมีเพียงไม่กี่ครั้งที่แม่นและเป็นประตู อีกทั้งเรื่องของกำลังและความฟิตก็เสียเปรียบคู่แข่งเมื่อต้องเล่นช่วงต่อเวลา แต่ท้ายที่สุดพวกเขาเอาชนะได้ เพราะมีประสบการณ์และความนิ่งที่มากกว่าคู่แข่งแบบเห็นได้ชัด
ติดตาม ข่าวกีฬา ฟุตบอกโลก 2022 ได้ที่ sportintrends.com
FB : Sport lover