เอ็มบั้ปเป้ ยิง 2 พา ฝรั่งเศส ผ่านด่าน โปแลนด์ 3-1 เข้ารอบ 8 ทีม

ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่แรกของค่ำคืนวันเสาร์ ทีมชาติฝรั่งเศส ในฐานะแชมป์กลุ่ม D จะต้องพบกับ ทีมชาติโปแลนด์ ที่เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม C สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ตราไก่ใช้ระบบ 4-2-3-1 ขณะที่อินทรีขาววางระบบ 4-1-4-1

      ในช่วงต้นเกม ทีมชาติฝรั่งเศส ขึ้นเกมทางริมเส้นได้น่ากลัว โดยเฉพาะการใช้สปีดของ เอ็มบั้ปเป้ ที่ทำเอาแนวรับคู่แข่งต้องคอยยืนประกบ 2 คน กระนั้นการเปิดบอลไปหน้าประตูหรือเสาไกล มันไม่พอดีกับตัวที่ยืนรออยู่ ทำให้โอกาสจบสกอร์แบบเหน่งๆแทบไม่มี ขณะที่ ทีมชาติโปแลนด์ ได้แต่ตั้งรับในแดน อีกทั้งเมื่อพวกเขาได้ครองบอล ก็จะทำได้แค่การเคาะไปมาในแดนเพราะไม่มีช่อง สุดท้ายพวกเขาใช้วิธีเปิดยาวแล้วไม่มีความแม่นยำกับแนวรุกด้านบน

      ทีมชาติโปแลนด์ มีช่วงเวลาที่เกือบได้ประตูในช่วงท้ายครึ่ง จากการโจมตีทางริมเส้นแล้วเปิดมาหน้าประตู แต่แนวรับของฝ่ายตรงข้ามยังช่วยกันป้องกันไว้ได้ ส่วนทางฝั่งทีมชาติฝรั่งเศส พอผ่าน 15 นาทีไป เกมบุกเริ่มลดดีกรีความอันตรายลด กระทั่งท้ายครึ่งแรก การเจาะตรงกลางและจ่ายปาดมาให้ ชิรูด์ ได้กลายเป็นประตูนำ 1-0 ก่อนเข้าห้องแต่งตัว

ครึ่งหลังเป็นเกมที่เบ็ดเสร็จของ ฝรั่งเศส โดยเกมรุกได้เพิ่มมิติในการวางบอลจากแดน 3 มากขึ้น ขณะที่เกมรับก็ประกบชิดคู่แข่งให้เปิดบอลไม่ถนัด จนในช่วงท้าย โปแลนด์ พยายามจะโหมบุกแลก แต่ก็โดนโต้กลับจนเสียอีก 2 ประตู เป็น 3-0 และในวินาทีสุดท้ายของเกม อินทรีขาวมาได้ประตูปลอบใจ 3-1 จากจุดโทษ

      บทสรุปจากเกม ทีมชาติฝรั่งเศส มีการขึ้นเกมบุกที่น่ากลัว แต่ปัญหาคือการสร้างจังหวะจบสกอร์ โดยหากครึ่งแรกไม่ได้ประตู ก็เชื่อว่าพวกเขาจะมีความอึดอัดมากขึ้นไปอีก อย่างไรเสียเมื่อพวกเขาได้ประตูขึ้นนำ ครึ่งหลังกลายเป็นคุมเกมได้เบ็ดเสร็จและเอาชนะได้สำเร็จ

ขณะที่ ทีมชาติโปแลนด์ ศักยภาพเป็นรองหลายอย่าง ไล่ตั้งแต่ เกมรับเอาแนวรุกคู่แข่งไม่ค่อยอยู่ในช่วงแรก การครองบอลที่ไม่สามารถพาเข้าไปสู่แดน 3-4 ของคู่แข่งได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรเสียพวกเขาก็ช่วงเวลาที่กดคู่แข่งจนเกือบได้ประตู แต่พอคว้าโอกาสเหล่านี้ไว้ไม่ได้ แล้วเสียประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก หลังจากนั้นในครึ่งหลังกลายเป็นพวกเขาเร่งไม่ขึ้นและค่อยๆเสียประตูเพิ่มจนต้องพ่ายแพ้ไป

ติดตาม ข่าวกีฬา ฟุตบอลโลก 2022 ได้ที่ sportintrends.com

FB : Sport lover