สัปดาห์ที่ 13 คืนวันเสาร์ การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งกันอีกครั้งหลังจากที่มีการพักเบรคทีมชาติไปโดยใน สัปดาห์ที่ 13 คืนวันเสาร์มีบิ๊กแมตช์คือการเจอกันระหว่าง เรือใบสีฟ้าแมนฯซิตี้เจอกับหงส์แดงลิเวอร์พูล อีกหนึ่งคู่ก็คือนิวคาสเซิลกับเชลซี ส่วนคู่ดึกอาร์เซนอลออกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด นอกจากนี้ยังมีคู่อื่นๆ อีก 4 คู่ด้วยกัน ผลของการแข่งขันจะเป็นอย่างไรมาติดตาม
แมนฯซิตี้ vs ลิเวอร์พูล
ประเดิมแมตช์แรกของพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์นี้แมนฯซิตี้เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของลิเวอร์พูล เกมบิ๊กแมตช์ที่ผู้ชนะจะได้ขึ้นจ่าฝูง
เริ่มต้นการแข่งขันในครั้งแรกแมนซิตี้เปิดเกมบุกเหมือนกับที่เคยทำมาทุกเกม เล่นเกมเพลสซิ่งพยายามบีบให้คู่แข่งพลาด จนทีมลิเวอร์พูลพลาดครั้งแรกในนาทีที่ 11 อลิสซอน เบ็คเกอร์เปิดบอลไปเข้าเท้าของฟิล โฟเดน ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้ยิงจ่อๆ แต่ยิงไปตรงตัวอลิสซอน เบ็คเกอร์อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต่อมาในนาทีที่ 15 ลิเวอร์พูลส่วนคืนบ้างโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขึ้นเกมมาทางด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางดาร์วิน นูเญซขึ้นโหม่ง แต่เอเดอร์สันก็สามารถบินปัดไว้ได้เช่นเดียวกัน แมนซิตี้ยังคงใช้แผนเดิมในการกดดันหน้าปากประตูของทีมลิเวอร์พูลจนในนาทีที่ 19 อลิสซอน เบ็คเกอร์ก็พลาดอีกครั้ง เขาจับบอลยาวแต่โชคดีที่เตะบอลทิ้งได้ทัน ทำให้ทีมแมนฯซิตี้ไม่มีโอกาสได้ยิง ต่อมาในนาทีที่ 27 อลิสซอน เบ็คเกอร์จะโยนบอลยาวแต่เตะพลาดนาธาน เอเก้รับบอลก่อนจะเลี้ยงจี้เข้าไปที่เส้นกรอบเขตโทษและส่งบอลต่อให้เออร์ลิง ฮาแลนด์สังหารประตูขึ้นนำให้กับทีมเรือใบ ต่อมานาที 34 ลิเวอร์พูลตัดบอลในแดนของแมนฯซิตี้ โดมินิก โซบอสซ์ไล ที่เป็นคนตัดบอลเลี้ยงเข้าไปในขอบเขตโทษและแทงทะลุช่องให้ดาร์วิน นูเญซ แต่บอลแรงเกินไปทำให้ไม่มีมุมยิง จนในที่สุดดาร์วิน นูเญซก็ยิงหลุดกรอบออกไป ช่วงท้ายครึ่งแรกเป็นแมนฯซิตี้ที่ได้บุกนาทีที่ 43 ฟิล โฟเดนมีโอกาสได้ส่องแต่บอลหลุดเสาออกไปเพียงแค่นิดเดียว จบครึ่งแรกแมนฯซิตี้ลิเวอร์พูล 1-0
ครึ่งหลังเปิดมาก็ยังคงเป็นทีมเรือใบสีฟ้าที่คุมเกมไว้ได้ บุกใส่ทีมลิเวอร์พูลตั้งแต่ต้นเกมแต่ยังไม่คงพอที่จะบวกประตูเพิ่ม ในนาทีที่ 67 ได้ลูกเตะมุมในนาทีที่ 67 ได้ลูกเตะมุมในนาทีที่ 67 ได้ลูกเตะมุมฮูเลี่ยน อัลวาเรซเปิดเข้าไปในขอบเขตโทษแบร์นาโด้ ซิลวายิงเข้าไป แต่กลายเป็นว่ามีการทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษทำให้แมนฯซิตี้ยังไม่ไม่สามารถทิ้งห่างได้ เวลาผ่านพ้นไปถึงนาทีที่ 79 ลิเวอร์พูลก็สามารถตามตีเสมอได้สำเร็จจากการยิงของลิเวอร์พูลก็สามารถตามตีเสมอได้จากการยิงของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำให้ลิเวอร์พูลกลับมาสู่เกมได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็ไม่มีประตูเพิ่มทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไปด้วยสกอร์ 1-1
นิวคาสเซิล vs เชลซี
นิวคาสเซิลเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของเชลซีที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงกับทีมใหญ่ในระยะหลัง โดยในพรีเมียร์ลีกเกมที่ 13 นี้เชลซีไม่มีเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่คุมทีมข้างสนามเนื่องจากติดโทษใบเหลือง ส่วนนิวคาสเซิลก็กำลังประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ
เปิดมาในครึ่งแรกทั้งสองทีมเปิดเกมบุกใส่กันจนเป็นทีมนิวคาสเซิลที่สามารถออกนำได้ก่อน นาทีที่ 12 นิวคาสเซิลตั้งเกมบุกขึ้นมาและเป็นเจ้าหนูลูอิส ไมลีย์ที่จ่ายบอลทะลุช่องไปให้อเล็กซานเดอร์ อิซัคยิงประตูขึ้นนำให้กับทีม แต่เชลซีก็สามารถกลับสู่เกมได้เร็วในนาทีที่ 22 เลี้ยงบอลเข้าไปกรอบเขตโทษและถูกทำฟาวล์ เจ้าตัวลุกขึ้นมายิงลูกฟรีคิกด้วยตัวเอง บอลเสียบเสาแรกเข้าไปเป็นประตูอย่างสวยงามพาเชลซีกลับสู่เกม และครึ่งแรกก็จบไปด้วยสกอร์ 1-1
ครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วนเชลซีที่กลับสู่เกมได้ปล่อยให้นิวคาสเซิลบุกและทำประตูขึ้นนำไปได้อีกครั้งหนึ่งครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วนเชลซีที่กลับสู่เกมได้ปล่อยให้นิวคาสเซิลบุกและทำประตูขึ้นนำไปได้อีกครั้งหนึ่ง นาทีที่ 59 แอนโทนี กอร์ดอนวางบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษจามาล ลาสเซลส์เติมขึ้นมาจากแนวรับและขึ้นโหม่งทำประตูให้กับนิวคาสเซิลออกนำ 2-1 ถัดมาจากงานเพียงแค่ 1 นาทีเชลซีพยายามตั้งเกมแดนของตัวเองโคล พาล์มเมอรคืนบอลไปให้ติอาโก้ ซิลวา เขาเลือกที่จะคืนบอลให้ผู้รักษาประตูแต่ดันลั่น โฌแอลินโตนผู้เล่นตัวรุกของทีมนิวคาสเซิลวิ่งเข้ามาขโมยบอลก่อนวิ่งเข้าไปยิงโล่งๆ กลายเป็นประตูทิ้งห่าง 3-1 ต่อนาทีที่ 12 รีช เจมส์ ไปทำฟาวล์ใส่ผู้เล่นของนิวคาสเซิลจนโดนใบแดงไล่จากสนาม เชลซีเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน และก็โดนนิวคาสเซิลปิดเกมจากลูกยิงของแอนโทนี กอร์ดอนในนาทีที่ 83 ทำให้จบเกมนิวคาสเซิลถล่มเชลซียับด้วยสกอร์ 4-1
เบรนท์ฟอร์ด vs อาร์เซนอล
อาร์เซนอลจะต้องออกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด โดยเกมนี้ทัพปืนใหญ่ มีโอกาสที่จะขึ้นจ่าฝูงแต่ต้องเก็บสามแต้มเพียงเท่านั้น
เปิดเกมในครึ่งแรกเป็นอาร์เซนอลที่ทักทายทีมเจ้าบ้านก่อนจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 10 เลอันโดร ทรอสซาร์ดได้โอกาสซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมานาทีที่ 13 อาร์เซนอลเกือบเสียท่าให้กับทีมเบรนท์ฟอร์ดแอรอน แรมส์เดล ผู้รักษาประตูของทีมปืนใหญ่ที่เกมนี้ได้ลงตัวจริง ไปยึกยักบริเวณหน้าปากประตูทำให้ผู้เล่นของทีมเบรนท์ฟอร์ดวิ่งเข้ามากดดัน และแย่งบอลไปได้ก่อนจะมีโอกาสได้ยิงจากไบรอัน อึมเบอโม่ไปที่เสาไกลแต่เดคลัน ไรซ์ เข้ามาสกัดที่หน้าเส้นประตูได้ทัน โดยเบรนท์ฟอร์ดมีโอกาสซ้ำในจังหวะที่สอง แต่ก็หลุดกรอบออกไป อาร์เซนอลรอดตัวไปได้จากความผิดพลาดครั้งนี้ ถัดมานาทีที่ 22 เบรนท์ฟอร์ด ยังคงได้บุกใส่ทีมปืนใหญ่จบด้วยการยิงของคริสเตียน นอร์การ์ด แต่บอลก็ข้ามคานออกไป ถัดมานาทีที่ 40 อาร์เซนอลตัดบอลในแดนของเบรนท์ฟอร์ดได้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่พาบอลเข้าไปในขอบเขตโทษ และผ่านบอลกลับมาให้กาเบรียล เจซุสเป็นคนยิง บอลไปแฉลบผู้เล่นของทีมเบนท์ฟอร์ดและมาร์ค เฟล็คเคนก็สามารถปัดบอลไว้ได้ไม่ยากนัก และในนาทีที่ 41 อาร์เซนอลก็สามารถทำประตูได้จากเลอันโดร ทรอสซาร์ด แต่กรรมการให้เป็นลูกล้ำหน้าทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน
ครึ่งหลังเบรนท์ฟอร์ดชิงเปิดเกมบุกใส่อาร์เซนอลและจบการยิงของไบรอัน อึมเบอโมแต่บอลก็ไม่ตรงกรอบ ต่อมาในนาทีที่ 70 ทีมเบรนท์ฟอร์ดบุกขึ้นมาอีกครั้งแยฮอร์ ยาร์มอลุกยิงไกลจากเนื้อกรอบเขตโทษ แต่บอลไม่ได้ห่างตัวแอรอน แรมส์เดลทำให้รับลูกนี้ไว้อย่างง่ายดาย เวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงท้ายเกม กลายเป็นทีมเยือนอาร์เซนอลที่เริ่มตั้งเกมบุกใส่ทีมเจ้าบ้านมากขึ้นแล้วก็มาได้ประตูขึ้นนำนานนานทีที่ 88 บูกาโย ซากโยนบอลยาวไปในกรอบเขตโทษให้ไค ฮาแวร์ตซ์ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในเกมนี้โหม่งทำประตูชัยให้กับอาร์เซนอล ทำให้จบเกมอาร์เซนอลชนะเบรนท์ฟอร์ดด้วยสกอร์ 0-1 และสามารถขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกได้ในคืนวันเสาร์
ผลของการแข่งขันคู่อื่น ๆ
ลูตัน ทาวน์ 2-1 คริสตัล พาเลซ
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-3 ไบร์ทตัน
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-3 บอร์นมัธ
เบิร์นลีย์ 1-2 เวสต์แฮม
ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ sportintrends.com
FB : Sport lover
sponsor by ufa.cga.com
https://ufabet-cga.com/
