ญี่ปุ่นล้มยักษ์คว้าแชมป์กลุ่ม เบลเยียมฟอร์มหนืดตกรอบแบ่งกลุ่ม
การแข่งขัน ฟุตบอลโลก ในคืนวันที่ 1 ธันวาคมเป็นการแข่งขันในกลุ่ม E และกลุ่ม F โดยทั้งสองกลุ่มยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าทีมไหนจะผ่านเข้ารอบถัดไปในการแข่งขันนัดนี้จึงเป็นเกมที่สำคัญมากของทุกทีมที่ต้องการผ่านเข้ารอบถัดไป ซึ่งเกมการแข่งขันทั้งหมด 4 นัดได้สร้างความประทับใจและความน่าเสียดายให้กับแฟนบอลอยู่ไม่น้อย
ทีมชาติญี่ปุ่น vs ทีมชาติสเปน
หลังจากที่ทีมชาติญี่ปุ่นพ่ายให้กับทีมชาติคอสตาริกาในนัดที่ 2 ทำให้ในเกมนี้ถ้าหากต้องการเข้ารอบจะต้องชนะหรือไม่ก็เสมอและลุ้นให้อีกคู่หนึ่งจบลงด้วยผลเสมอเช่นเดียวกัน สำหรับทีมชาติสเปนผลเสมอก็มีสิทธิ์ที่จะส่งผลให้เข้ารอบต่อไปเนื่องจากมีผลต่างประตูได้เสียที่มากที่สุดในกลุ่ม
เริ่มต้นการแข่งขันมาในครึ่งแรก ที่มีชื่อชั้นเหนือกว่าทีมชาติญี่ปุ่นก็ได้บุกใส่ทีมชาติญี่ปุ่นจนกระทั่งในนาทีที่ 11 อัลบาโร มอราตา ก็สามารถทำประตูขึ้นนำให้กับทีมชาติสเปนไปก่อน แล้วจบการแข่งขันครึ่งแรกด้วยผลเสมอ
ต่อมาในช่วงครึ่งเวลาหลังด้วยสปิริตของทีมชาติญี่ปุ่นที่ไม่ยอมแพ้ถึงแม้ว่าทีมตัวเองจะมีศักยภาพของผู้เล่นที่ด้อยกว่า และทีมชาติญี่ปุ่นก็ใช้โอกาสยิงเพียงน้อยนิดของตัวเองเปลี่ยนเป็นประตูและสามารถทำประตูตีเสมอได้ในนาทีที่ 48 โดยการยิงของ ริทสึ โดอัน
แล้วต่อมานาทีที่ 51 อาโอะ ทานากะ สามารถยิงประตูให้กับทีมชาติญี่ปุ่น แต่เป็นลูกยิงที่มีปัญหา ซึ่งเมื่อกรรมการตรวจสอบ VAR แล้วจึงให้เป็นประตู หลังจากนั้นญี่ปุ่นสามารถรักษาสกอร์นี้ไว้ได้และเอาชนะสเปนไปด้วยสกอร์ 2-1
ชมไฮไลท์ของการแข่งขันได้ที่ TrueID
ทีมชาติเยอรมัน vs ทีมชาติคอสตาริกา
ทั้ง 2 ทีมถ้าหากต้องการผ่านเข้ารอบจะต้องเอาชนะให้ได้ ซึ่งการที่มีตัวผู้เล่นที่มีศักยภาพเหนือกว่าทำให้ทีมชาติเยอรมันมีโอกาสในการทำประตูเยอะกว่าทีมชาติคอสตาริกาและมีอัตราการครองบอลที่สูงกว่า โดยมีโอกาสยิงสูงถึง 32 ครั้งและยิงเข้ากรอบไปทั้งหมด 11 ลูก ส่วนทางทีมคอสตาริกานั้นมีโอกาสยิงเพียงแค่ 7 ครั้งเท่านั้นแล้วยิงเข้ากรอบไป 5 ประตู จากการบุกอย่างหนักทำให้ทีมชาติเยอรมันสามารถ ยิงขึ้นนำในนาทีที่ 10 แต่ทีมชาติคอสตาริกาก็สามารถยิงคืนได้ 2 ประตู นาทีที่ 58 และ 70 หลังจากโดนขึ้นนำทีมชาติเยอรมันก็โหมบุกอย่างหนักเพื่อทำประตูคืนและผ่านไปเพียงแค่ 10 นาทีก็สามารถทำได้ 3 ประตูโดยเกิดขึ้นในอาทิตย์ที่ 73, 85 และ 89 โดยผู้ทำประตูของทีมชาติเยอรมันได้แก่ แซร์จ นาบรีย์, ไค ฮาแวทซ์ 2 ประตู และ นิคคลัส ฟึลครูค ส่วนทางทีมชาติคอสตาริกาผู้ทำประตูคือ เยลต์ซิน เทเยด้า และอีก 1 ลูกได้มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของมานูเอ็ล น็อยเออร์ ทำให้การแข่งขันนัดนี้จบลงด้วยสกอร์ 4-2
ชมไฮไลท์ของการแข่งขันได้ที่ TrueID
จากการที่ทีมชาติญี่ปุ่นสามารถเอาชนะทีมชาติสเปนได้ทำให้มีคะแนนรวม 6 คะแนนและจบการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ตอนนี้ทีมชาติญี่ปุ่นกลายเป็นทีมชาติเดียวของทวีปเอเชียที่สามารถผ่านเข้ารอบถัดไปได้ ส่วนทีมชาติเยอรมันนั้นถึงแม้จะชนะทีมชาติคอสตาริกาไปได้แต่คะแนนไม่เพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบถัดไปเนื่องจากประตูได้เสียมีน้อยกว่าทีมชาติสเปน
ทีมชาติเบลเยียม vs ทีมชาติโครเอเชีย
ทีมอันดับ 2 ของโลกถ้าหากต้องการผ่านเข้ารอบถัดไปจะต้องเอาชนะในเกมนัดนี้อย่างเดียวเท่านั้นเนื่องจากมีคะแนนรวมเพียงแค่ 3 คะแนนเพียงเท่านั้นหลังจากในเกมนัดที่ 2 ไปพ่ายให้กับทีมชาติโมร็อกโกมา ส่วนทีมชาติโครเอเชียขอแค่เสมอเป็นอย่างน้อยก็สามารถผ่านเข้ารอบถัดไปได้แล้ว เกมการแข่งขันนัดนี้จบลงด้วยสกอร์ 0-0 โดยทีมชาติเบลเยียมมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีเท่าที่ควร แถมกองหน้าของทีมอย่าง โรเมลู ลูกากู ก็พลาดโอกาสในการทำประตูไปหลายต่อหลายครั้ง ทำให้กองหน้าฉายา “พี่ตู้เย็น” กลายเป็นผู้เล่นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในช่วงเวลานี้
ชมไฮไลท์ของการแข่งขันได้ที่ TrueID
ทีมชาติโมร็อกโก vs ทีมชาติแคนาดา
ทีมชาติแคนาดาเป็นทีมแรกที่ตกรอบไปในกลุ่มนี้เนื่องจากแพ้ในการแข่งขันทั้งหมด 2 นัดในเกมนัดสุดท้ายต้องมาเจอกับโมร็อกโกที่สามารถเอาชนะทีมชาติเบลเยียมได้ในนัดที่ 2 โดยในเกมการแข่งขันนัดนี้ถ้าหากว่าชนะและอีกเกมหนึ่งจบลงด้วยผลเสมอกันทีมชาติโมร็อกโกก็จะผ่านเข้ารอบ
แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาของทีมชาติโมร็อกโกทำให้สามารถเอาชนะทีมชาติแคนาดาไปได้โดยลูกยิงลูกแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 4 จากฮาคิม ซีเย็คที่สามารถทำประตูจากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูทีมชาติแคนาดา และต่อมาในนาทีที่ 23 ยูเซฟ อ็อง-เนไซริ ก็สามารถทำประตูที่สองให้กับทีมชาติโมร็อกโกได้
อย่างไรก็ตามทีมชาติเยอรมันสามารถตีไข่แตกได้นาทีที่ 40 โดยลูกเปิดของแซม อเดคุกเบ้ที่เปิดจากด้านข้างเข้าไปที่ตรงกลางประตูแต่ก็ถูกสกัดโดยนาอิฟ อเกิร์ดแต่ลูกสกัดลูกดังกล่าวกลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของเจ้าตัวไปในที่สุด ส่วนในครึ่งเวลาหลังทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูได้ทำให้การแข่งขันในเกมนัดนี้จบลงด้วยสกอร์ 2-1
ชมไฮไลท์ของการแข่งขันได้ที่ TrueID
ทีมชาติโมร็อกโกสามารถผ่านเข้ารอบถัดไปด้วยคะแนนรวม 7 คะแนน ตามด้วยทีมชาติโครเอเชียที่สามารถยันเสมอทีมชาติเบลเยียมด้วยคะแนนรวม 5 ส่วนอันดับที่ 3 ของการแข่งขันฟุตบอลอย่างทีมชาติเบลเยียมก็จบด้วยการตกรอบแรกของการแข่งขัน และมันอาจจะเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็นยุคทองของทีมชาติเบลเยียมเนื่องจากอายุของผู้เล่นแต่ละคนก็แตะวัย 30 กันเป็นที่เรียบร้อย
ติดตาม ข่าวกีฬา ฟุตบอลโลก2022 ได้ที่ sportintrends.com
FB : Sport lover