ข่าวใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีข่าวไหนเกินข่าว ไลโอเนล เมสซี่ สุดยอดผู้เล่นแห่งยุค ผู้เล่นที่เป็นสัญลักษณ์ของทีมบาร์เซโลน่าจำใจต้องอำลาจากทีมสโมสรที่เขารักที่ลงเล่นให้กับทีมเป็นเวลากว่ายี่สิบปี
ข่าวของเมสซี่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประมาณกลางปีที่ผ่านมาเรื่องการต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญา เพราะว่าเมสซี่เริ่มไม่ค่อยแฮปปี้กับวิธีทำงานสโมสร โดยเฉพาะการขายหลุย ซัวเรสให้กับ แอตแลนติโก้ มาดริด ที่เป็นเพื่อนรักของเขา
แต่ทุกคนที่ติดตามข่าวก็ทราบว่า เมสซี่ที่แม้ว่าจะผิดหวังกับการตัดสินใจของบอร์ดบริหารของทีมเจ้าบุญทุ่มที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วเขาก็ยืนยันจากปากว่า เขาจะลงเล่นให้กับทีมบาเซโลน่าต่อไป เว้นเสียแต่ว่าบาเซโลน่าไม่ต้องการเขา
และนั่นกลายเป็นที่มาของข่าวคราวเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าบาเซโลน่าได้บรรลุข้อตกลงในการต่อสัญญากับเมสซี่ไปอีก 5ปี โดยที่เจ้าตัวลดค่าเหนื่อยให้ 50% เพื่อให้สโมสรสามารถจ้างเขาต่อไปได้อีก สโมสรเองก็ไม่อยากปล่อยเขาไปไหน การเซ็นสัญญาห้าปีนั้นเกือบจะการันตีการที่นักเตะที่เป็นตำนานของสโมสรจะแขวนสตั๊ดที่ถิ่นคัมป์นูไปเลย
แต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมาทางสโมสรก็ได้ประกาศว่าสโมสรไม่สามารถต่อสัญญากับเมสซี่ได้อย่างที่ตั้งใจกันไว้
ต้องบอกว่าการซื้อขายนักเตะในยุโรปอยู่ภายใต้ UFFA Financial Fair play ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกันการบริหารงานผิดพลาดจนทำให้มีปัญหาในการทำทีม ซึ่งรวมไปถึงการซื้อขายนักเตะว่าแต่ละสโมสรจะสามารถทุ่มเงินไปกับการซื้อนักเตะได้มากน้อยเท่าไหร่จากรายรับ แต่เนื่องจากช่วงโควิด19 การเงินของแต่ละสโมสรเกิดปัญหาเนื่องจากรายรับที่ไม่แน่นอน ทำให้ยูฟ่าลดความเข้มงวดลง เพราะถ้าหากเข้มงวดเกินไปทีมที่มีขนาดเล็กจะมีปัญหาในการบริหารเงินตามกฎแต่มันก็เป็นช่องว่างให้กับทีมที่มีขนาดใหญ่หลุดจากกรอบการเงินเหมือนกัน อย่างในกรณีการปิดดีลแจ็ค กรีลิชของเรือใบสีฟ้าก็มาจากช่องว่างนี้เช่นกัน
แต่ฟุตบอลเสปนยังมีกฎทางการเงินของตัวเอง
ลาลีก้าตั้งกฎทางการเงินบังคับใช้กับสโมสรในสเปนที่มีเป้าหมายเดียวกับยูฟ่าแตกต่างกันในด้านรายละเอียด และสเปนไม่ได้ลดเพดานความเข้มงวดโดยเฉพาะการอนุญาติให้ใช้เงินในการซื้อนักเตะและต่อสัญญาในวงเงิน10%ของรายรับ ในปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากโควิดทำให้รายรับของสโมสรเจ้าบุญทุ่มเกิดปัญหาอย่างหนัก รายได้หลักที่มาจากผู้ชมและนักท่องเที่ยวหดหายไปมากกว่าครึ่ง และต้องไม่ลืมว่าบาร์เซโลน่าเองก็มีปัญหาหนี้สินที่มาจากการทุ่มซื้อนักเตะแบบไม่รอบคอบของบาร์โตเมลประธานคนเก่า
นั่นทำให้วงเงินไม่เพียงพอที่จะต่อสัญญากับเมสซี่
ปารีสแซงเชแม็งค์ คือสโมสรที่มีภาษีที่สุดที่จะได้ตัวเมสซี่ไปครอง เนื่องจากว่าในตลอดเวลาที่ผ่านมา เปเอสเช คือสโมสรที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากเทียบกับสโมสรที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะได้ตัวเมสซี่ไปทั้งหมดแล้วถือว่ามีความพร้อมที่สุด เพราะสโมสรที่ถือว่ามีทั้งศักดิ์ศรีและเม็ดเงินถัดมาคือแมนเชสเตอร์ซิตี้ ก็เพิ่งคว้าตัว แจ็ค กรีลิชในราคา100ล้านปอนด์มาเมื่อไม่กี่วันก่อนที่จะมีข่าวเกมพลิกของเมสซี่ออกมา อีกอย่างผู้จัดการทีม เปป กวาร์ดิโอลา ก็ประกาศแบบชัดๆว่าแผนการทำทีมทั้งหมดตอนนี้มุ่งไปที่กรีลิชที่จะเป็นคนทำเกมดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ติดตามบทความเรื่อง ข่าวกีฬา ออกกำลังกาย และอุปกรณ์กีฬาได้ที่ ข่าวกีฬา
เวปไซด์ sportintrends.com