ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดรองสุดท้าย เชลซี ที่พึ่งอกหักจากการพ่ายแพ้ในนัดชิง FA CUP เปิดบ้านรับทีมที่ทำให้พวกเขาเจ็บช้ำอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งหากสิงโตน้ำเงินครามเอาชนะในเกมนี้ ก็จะถือได้ว่าเป็นการล้างแค้นแบบทันควันเลยทีเดียว สำหรับผังการเล่น เจ้าบ้านกลับมาใช้ระบบที่คุ้นเคย 3-4-3 ส่วนทีมเยือนก็เช่นกันกับการปรับหมากมาเป็น 3-4-3
เกมการแข่งขันในช่วง 15 นาทีแรก เชลซี เปิดฉากบุกใส่ทีมเยือนอย่างหนักหน่วง โดยยังเน้นการเจาะพื้นที่ทางฝั่งขวา ซึ่งมีจังหวะใกล้เคียง หวาดเสียว และได้ประตู แต่ถูกริบคืนทั้งหมด ส่วน เลสเตอร์ เกมนี้มีการเพรสซิ่งและบีบแย่งบอลคืน แต่ระดับความเข้มข้นไม่น่ากลัวเท่ากับเกมนัดชิง FA CUP อีกทั้งเกมบุกก็ไม่อาจแทงบอลหน้าเขตโทษได้ตามถนัด จะมีเพียงการพาบอลมาทางริมเส้นและเปิด แต่ก็ไม่เข้าจุดโฟกัสเลย
กลับมาต่อในครึ่งหลัง การได้ประตูนำเร็วของ เชลซี ถือว่าช่วยคลายความกดดันได้อย่างมาก เพราะตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ จนถึงเกมในครึ่งแรกวันนี้ ต่อให้ยิงเข้าก็ถูกริบคืนมาตลอด จากนั้นด้วยภาวะเท้าสั่นของแนวรับเลสเตอร์ ที่ไปสกิลข้อเท้าแวร์เนอร์จนเป็นจุดโทษและกลายเป็นประตูนำห่าง 2-0 ก็ยิ่งช่วยให้ลูกทีมของทูเคิ่ลเล่นง่าย
เกมวันนี้ เชลซี ยับยั้งการเสียฟรีคลิกและลูกเตะมุมแบบไม่จำเป็นได้ดี จนทำให้ลูกโจมตีทางอากาศของ เลสเตอร์ ที่เป็นอาวุธเด็ดไม่ได้แผลงฤทธิ์ แต่ความผิดพลาดของการส่งบอลในแนวรับ ยังคงเป็นปัญหาจนนำไปสู่การเสียประตูตีไข่แตก 2-1 ซึ่งยังดีที่มีประตูตุนอยู่ 2 ก่อนที่สิงโตน้ำครามจะสามารถยันสกอร์นี้ไว้ได้จนจบเกม
บทสรุปจากเกม เชลซี ทำได้ดีตามศักยภาพ ส่วนสิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ คือ เกมรับที่ก่อความผิดพลาดจนเสียประตูเหมือนกับเกมเมื่อวันเสาร์ แต่วันนี้โชคดีว่ามีประตูนำไปก่อนแล้ว มิเช่นนั้นเกมนี้เหนื่อยแน่ ขณะที่ฝั่ง เลสเตอร์ ซิตี้ ทรงบอลไม่ต่างจากเกมเมื่อวันเสาร์ โดยเฉพาะเกมบุกที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างจนทีมต้องพ่ายแพ้ คือ การเสียประตูแบบสุดวิสัย รวมถึงมีความผิดพลาดที่ไม่เจตนาเกิดขึ้น แม้จะป้องกันได้ดีแล้วก็ตาม
#เชลซี #สิงโตน้ำคราม #เลสเตอร์ ซิตี้ #จิ้งจอกสยาม #ข่าวกีฬา #sportintrends.com
