ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดกลางสัปดาห์ในค่ำคืนวันอังคาร มีลงเตะเพียงคู่เดียว ซึ่งโปรแกรมที่อัดแน่นของทั้งคู่จึงทำให้คิวเตะวันนี้เหมาะสมที่สุด เพราะแมนยู ต้องลงเล่นแดงเดือดกับลิเวอร์พูลในวันพฤหัสบดี ส่วนเลสเตอร์เอง ก็ต้องลงเล่นนัดชิง FA CUP สำหรับเกมนัดนี้ เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1 โดยการพักมาเพียงวันเดียว ได้ทำให้โซลชาต้องเปลี่ยนชุดนักเตะตัวจริงถึง 10 ตำแหน่ง ขณะที่ทีมเยือนมาในระบบ 3-4-1-2
ช่วงต้นเกม เลสเตอร์ เปิดเกมบุกใส่ แต่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคที่ไม่ค่อยชอบ คือ เจอคู่แข่งเล่นเกมรับเหนียวแน่น จนไม่สามารถพาบอลเข้าไปในเขตโทษได้ กระทั่งนาทีที่ 10 มาได้ประตูขึ้นนำ จากการเจาะริมเส้นและเปิดบอลมากลางประตู พร้อมกับการจบสกอร์ที่รวดเร็วและเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นก็เป็นความผิดพลาดที่แนวรับแมนยูด้วย เนื่องจากเปิดพื้นที่ริมเส้นจนมีเวลาเล็ง ส่วนในเขตโทษก็ดันปล่อยให้ผู้เล่นเลสเตอร์วิ่งเข้ามาตัวเปล่าถึง 2 คน
ในช่วง 15 นาทีแรก แมนยูได้แต่ตั้งรับ แม้จะมีจังหวะครองบอลแต่ก็สวนไม่ได้ เพราะแนวรุกจิ้งจอกสยามเพรสซิ่งสูง ถึงกระนั้นก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการยิงเข้ากรอบครั้งแรก ซึ่งต้องชมกรีนวู๊ดที่แตะบอลหาพื้นที่และยิงได้เฉียบคม ทั้งที่แนวรับเลสเตอร์ตามประกบแบบแนบชิดแล้วก็ตาม ส่วนหลังจากนั้นรูปเกมของแมนยู ก็ดูดีขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้
ครึ่งหลัง เลสเตอร์ พยายามบุกใส่เป็นระยะ แต่ก็ยังติดปัญหาเดิมๆ ส่วนแมนยู ที่รูปเกมดูเป็นรอง โดยเฉพาะการขึ้นเกมบุกที่บอลไม่ค่อยถึงแดนหน้า เว้นเสียแต่ต้องสาดบอลยาวเท่านั้น สุดท้ายโซลชาทนไม่ไหว จนต้องเปลี่ยน บรูโน่ และ คาวานี่ ลงมาแก้สถานการณ์
เกมบุกของ เลสเตอร์ ที่ดูตันๆก็มาคลายล็อคออกจากลูกนำ 1-2 ซึ่งในจังหวะเตะมุมนี้ แนวรับแมนยูประกบตัวคู่แข่งพลาด จนทำให้ โซยูนซู ได้กระโดดโหม่งแบบเต็มหัว ส่วนเกมในอีก 20 นาทีที่เหลือ เลสเตอร์ ก็ประคองเกมไปเรื่อยๆ แม้จะพยายามบวกเพิ่มแต่ก็ไม่มีปัญญา ส่วนแมนยู เกมนี้จัดว่าเร่งเครื่องไม่ขึ้นจริงๆ
บทสรุปจากเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการส่งตัวสำรองแบบยกชุดทุกคนย่อมเข้าใจดีในสถานการณ์ที่โปรแกรมเตะถี่ จนต้องแบ่งความสำคัญ ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ การเจาะแนวรับที่มาอุดประตูใส่ยังคงเป็นปัญหา เพราะหากดูจากประตูที่ได้มา ล้วนมีส่วนจากความผิดพลาดของคู่แข่ง
#แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด #แมนยู #ปีศาจแดง #เลสเตอร์ ซิตี้ #จิ้งจอกสยาม #ข่าวกีฬา #sportintrends.com
