ศึกฟุตบอลถ้วย FA CUP เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เข้าชิงรายการนี้ครั้งแรกในรอบ 52 ปี อีกทั้งยังไม่เคยสัมผัสแชมป์รายการนี้มาก่อน กับ เชลซี แชมป์รายการนี้ 8 สมัย สำหรับเกมการแข่งขัน จิ้งจอกสยามมาในระบบ 3-4-1-2 ส่วนสิงโตน้ำเงินครามมาในระบบ 3-5-2
การที่ทั้ง 2 ทีมวางหลัง 3 สื่อให้เห็นว่าต้องการความรัดกุม เพราะเมื่อเกมเริ่มขึ้น ต่างฝ่ายต่างต่างบีบและเพรสซิ่งใส่กัน จนทำให้โอกาสที่จะพาบอลไปยังเขตโทษของคู่แข่งมีน้อย โดยฝั่งของเลสเตอร์ จะได้บอลจากการเพรสซิ่งสูงเป็นหลัก แต่จังหวะการเข้าทำที่ถนัดแทงบอลไปให้กองหน้า ก็ถูกปราการแนวรับของสิงโตน้ำเงินครามเก็บกินได้หมด ทำให้โอกาสลุ้นประตูต้องหวังจากลูกฟรีคลิกเป็นหลัก ส่วนฝั่งเชลซี การเพรสซิ่งมีเป็นบางจังหวะ ขณะที่การต่อบอลมักจะไปจบด้วยการขึ้นเกมฝั่งขวา แต่ก็ไม่ได้สร้างความอันตรายใดๆนัก


เกมในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมพยายามเร่งและเน้นมากกว่าเดิม แต่เกมรับก็ยังเก็บกวาดไว้ได้ดี กระทั่งการขึ้นบอลจากแดนหลังพลาดนิดเดียวของเชลซี ที่จ่ายไปติดผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม แล้วบอลไปเข้าทาง ติเลอม็องส์ ซึ่งจังหวะนั้นแนวรับของสิงโตน้ำเงินครามยืนอยู่หน้าเขตโทษมีเพียง 2 คน จึงทำได้เพียงประคอง ก่อนที่เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้น ติเลอม็องส์ ได้ส่องไกลบอลเสียบสามเหลี่ยม จิ้งจอกสยาม ขึ้นนำ 1-0

หลังจากถูกขึ้นนำ เชลซี พยายามโหมเกมบุกและเปลี่ยนแนวรุกลงมาเพิ่ม โดยยังเน้นที่จะขึ้นเกมจากริมเส้นฝั่งขวาอยู่เช่นเดิม ซึ่งทำได้ดีในระดับหนึ่งจนมาได้ประตูตีเสมอ แต่ถูก VAR ริบคืน เพราะล้ำหน้าในระดับมิลิเมตร จากนั้นเกมบุกของสิงโตน้ำเงินครามในช่วงทดเวลา 5 นาที ก็ดาว์นลงไปจนหมดสิ้นเหมือนเด็กใจแตก กระทั่งหมดเวลาและเป็นชัยชนะของเลสเตอร์
บทสรุปจากเกม ทั้ง 2 ทีมต่างรัดกุมและเล่นได้ตามแผน จนทำให้ชัยชนะถูกตัดสินด้วยความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ แต่หากเจาะลงลึกลงไปกว่านั้น เลสเตอร์ ซิตี้ จัดว่าทำเกมบุกได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย จนทำให้ต้องลุ้นประตูจากลูกตั้งเตะ ซึ่งถ้าในเกมไม่ได้ประตูจากลูกยิงไกลและ VAR ไม่ริบประตูคืน ฝ่ายที่จะพ่ายแพ้คือ จิ้งจอกสยาม ส่วน เชลซี เกมบุกตายด้านกับการขึ้นเกมฝั่งขวา จนทำให้ถูกดักและเก็บกวาดง่าย โอกาสลุ้นประตูจึงมีปรากฏให้เห็นน้อย

#เชลซี #สิงโตน้ำคราม #เลสเตอร์ ซิตี้ #จิ้งจอกสยาม #ข่าวกีฬา #sportintrends.com