ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายของค่ำวันอาทิตย์ พร้อมกับเป็นบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ ระหว่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ที่ได้โค้ชใหม่อย่าง นูโน่ แต่ก็ต้องไร้เงาของ เคน ที่กำลังอยากย้ายทีมสุดฤทธิ์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นเต็งแชมป์และพึ่งได้นักเตะที่ต้องการสมใจอยาก สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1 โดยให้ ซน ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วนทีมเยือนแผน 4-3-3 เหมือนเคย พร้อมกับให้โอกาสแจ๊ค กรีลิช ลงตัวจริง
ในช่วง 15 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเล่นด้วยของฟอร์มของแชมป์ เพราะโหมบุกกระหน่ำใส่เจ้าบ้านจนโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งหลายจังหวะสามารถทะลุทะลวงเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ แต่ไม่สามารถเอาบอลไปกองที่ก้นตาข่ายได้ จากนั้นจนจบครึ่งแรก เรือใบสีฟ้ากลายเป็นอีกทีม เพราะต่อบอลแล้วเสียกลายทาง จนกลายเป็น สเปอร์ส ที่สามารถตั้งเกมของตัวเองได้ด้วยดักบอลแล้วคุมจังหวะ ระหว่างเก็บบอลแล้วค่อยๆเซต กับตัดบอลได้แล้วรีบขึ้นไปข้างหน้า โดยการโต้กลับเร็วจัดว่ามีประสิทธิภาพ ขาดเพียงจังหวะเข้าทำที่ยังดูไม่ลงตัว เช่น ตำแหน่งการวิ่งที่ทับไลน์กัน การจ่ายทะลุช่องหรือจ่ายเข้าแดนอันตรายที่ช้าและไม่ทันกับตัวที่รอรับบอล

ครึ่งหลัง แมนซิตี้พยายามต่อบอลบุกเพื่อคุมเกมให้ได้เหมือนช่วงต้นเกม แต่ผู้เล่นในแดนกลางเริ่มคิดเยอะจนเก็บบอลไว้กับตัวนาน อีกทั้งตัวเชื่อมบอลไม่ค่อยวิ่งเข้าหา ทำให้แนวรับของสเปอร์ส รุมแย่งบอลได้ถี่ขึ้น แล้วเอาไปโต้กลับไปสุดทาง สุดท้ายการโต้กลับก็เป็นที่มาของประตูขึ้น 1-0 ซึ่งคนยิงอย่าง ซน เฮือง-มิน ยิงได้ดี แต่แนวรับและผู้รักษาประตูของทีมเยือนก็ผิดพลาดกับการแบ่งหน้าที่กันป้องกันที่ไม่มีดีพอ ภาพที่ออกมาจึงกลายเป็น เอแดร์ซอน ชะงักขาตาย
หลังจาก สเปอร์ส ขึ้นนำ มันกลายเป็นว่าพวกเขาจะได้ประตูนำ 2-0 มากกว่า แมนซิตี้ จะตีเสมอ 1-1 เพราะยิ่งเล่นและเวลาผ่านไปเท่าไร มันเหมือนกับว่าแนวรุกของเรือใบสีฟ้าทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันอีกแล้ว ทำให้ เป๊ป ต้องจำใจส่ง เดอ บรอยน์ ในสภาพที่ยังไม่สมบูรณ์ลงสนามในช่วง 10 นาทีท้าย ซึ่งการลงมาของดาวเตะทีมชาติเบลเยียมก็ได้ยกระดับเกมแดนกลางให้ดูวูบวาบ แต่มันก็ไม่ทันที่จะเร่งทีมให้กลับมาตีเสมอได้
ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สเปอร์ส ดูอาการไม่ดีในช่วง 15 นาทีแรก ซึ่งโชคดีที่ไม่เสียประตู มิเช่นนั้นลำบากแน่ ส่วนหลังจากนั้นการทำเกมโต้กลับถือว่าทำได้ดี เพราะสามารถทำได้บ่อยครั้ง จนสุดท้ายเป็นที่มาของประตูขึ้นนำและ 3 แต้ม อย่างไรเสียถ้ากลับไปปรับจูนการเข้าทำและการจบสกอร์ จะดีและโหดเหี้ยมกว่านี้แน่ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 15 นาทีแรก ดูยังไงเดี๋ยวประตูก็มา แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นเกมช็อตไปเลย กับการที่เกมบุกต่อบอลไม่ขึ้น มิหนำซ้ำเกมรับยังเอาไม่อยู่กับการโดนโต้กลับจนสุดทางเกือบทุกครั้ง จนเสียประตู ฉะนั้นความพ่ายแพ้ในวันนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ หากแต่เป็นตัวเองที่มีโอกาสแล้วทำไม่ได้ อีกทั้งยังทำผิดพลาดซ้ำๆไม่หยุด

ติดตามบทความเรื่อง ข่าวกีฬา ออกกำลังกาย และอุปกรณ์กีฬาได้ที่ ข่าวกีฬา
เวปไซด์ sportintrends.com